ผู้ช่วยส.ส.สุเทพ นำทีมแจ้งความ ดำเนินคดี กับส.ส. จังหวัดปราจีนบุรี ที่ให้ข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงกับสื่อมวลชน

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 3 พฤษภาคม นายกิตติวัฒน์ ปิ่นเลี้ยง ผู้ช่วยดำเนินงาน นายสุเทพ อู่อ้น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายณัฐพล อนุพิทักษ์สมาน ผู้ติดตาม ส.ส.พรรคก้าวไกล และ นายปริญญา จิตติเจษฎาภรณ์ ทนายความ เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.วุฒิกิจ บัวนวล รอง สว.สอบสวน สภ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี กรณีถูกนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา ส.ส.พรรคชาติพัฒนากล้า จ.ปราจีนบุรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลายสำนักโดยกล่าวหาว่าคณะทำงานได้ทำการเรียกรับผลประโยชน์กับแรงงานต่างด้าว บริษัทหนึ่ง ตั้งอยู่ที่ อ.เมืองปราจีนบุรี และ อ.ศรีมหาโภชน์ จ.ปราจีนบุรี ทำให้ได้รับความเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียง โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 และ 27 เมษายน ที่ผ่านมา

นายณัฐพล กล่าวว่า มาแจ้งความดำเนินคดีกับนายวุฒิพงษ์ ทองเหลา ส.ส.ปราจีนบุรี ในข้อหาหมิ่นประมาท ในการให้ข่าวสารกับสื่อช่องต่างๆ ที่โจมตีทีมงานและส.ส.พรรคก้าวไกล เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ตนเองลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายในจังหวัดปราจีนบุรี เนื่องจากมีการร้องเรียนเข้ามาทางนายสุเทพ จึงส่งตน และทีมงานไปตรวจสอบหาข้อเท็จจริงว่า ในพื้นที่มีแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายจริงหรือไม่ ตามที่เขาร้องเรียนมา หรือมีมากน้อยเพียงใด เพราะจุดประสงค์ของนายสุเทพ ต้องการรวบรวมข้อมูลเอาไปใช้ในการเสนอคณะกรรมมาธิการการแรงงาน ที่นายสุเทพดำเนินการอยู่

การดำเนินการของตนได้มีนายวุฒิพงศ์ ส.ส.พรรคชาติพัฒนากล้า เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยแจ้งว่าตนไปแอบอ้างว่าเป็นคณะกรรมาธิการแรงงาน เข้ามารีดทรัพย์ตบทรัพย์กับผู้ประกอบการตามไซต์งานต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นความจริง และไม่มีหลักฐานอะไรเลย ถ้าเกิดไปกระทำการดังกล่าวจริง ต้องดำเนินคดีแจ้งความกับตน แต่ไม่ได้มีการดำเนินคดีใดๆทั้งสิ้น กลับกันนายวุฒิพงศ์ กลับประโคมข่าว โจมตีการทำงานของ ส.ส.สุเทพ และโจมตีการทำงานของพรรค ทำให้เกิดความเสื่อมเสียและทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดในการกระทำ และการทำงานของพวกตน

“การทำงานเหล่านี้ ผมลงไปเจอผู้กระทำความผิดจริง จึงได้แจ้งหน่วยงานต่างๆ เข้าไปลงพื้นที่ การตรวจสอบหรือจับกุมผู้ที่กระทำความผิด ซึ่งมีการกระทำผิดจริง เจ้าหน้าที่จึงมาจับกุมตัวไป ส่วนวันที่ 27 เมษายนที่เป็นข่าว วันนั้นผมลงพื้นที่ไซต์งานก่อสร้างถนน ซึ่งวันนั้นผมได้ลงไปขอดูบัตรว่า เขาว่าจ้างทำงานถูกต้องหรือเปล่า หัวหน้างานก็แจ้งคนงานไปเอาเอกสารมาให้ดู ซึ่งทั้ง 13 คน เอกสารการทำงานไม่ถูกต้อง ส่วนหนึ่งมีแค่รายชื่อใบเดียว แต่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน แค่ขอมีต่างด้าวเพื่อทำงาน และอีกส่วนหนึ่งเป็นการทำงานที่ผิดสถานที่ ผิดนายจ้าง บริษัทอยู่นครปฐมบ้าง อยู่ชลบุรีบ้าง แต่มาทำงานที่ปราจีนบุรี ซึ่งเหล่านี้ถือเป็นการใช้แรงงานที่ผิดกฎหมาย จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตม. แต่เนื่องจากเป็นวันหยุด ตม.เลยบอกจะประสานงานให้ ซึ่งผมมีเบอร์โทรผู้กำกับ ตม.ปราจีนบุรี และระยะเวลาที่โทร” นายณัฐพล กล่าว

นายณัฐพล กล่าวอีกว่า ส่วนการกล่าวอ้างของนายวุฒิพงศ์ ว่าผมไปตบทรัพย์บริษัทคนจีน มันไม่เป็นความจริงเนื่องจากวันที่ 24 ผมได้ลงไซค์งานที่แรกบริษัทนิวหยาง ได้เข้าไปบอกหัวหน้า บอกเขาดูเอกสารหน่อยผมเป็นผู้ติดตาม ส.ส.สุเทพ ซึ่งเป็นกรรมาธิการแรงงาน มาขอดูเอกสารว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือเปล่า มีการจ้างงานที่ถูกต้องหรือไม่ เขาก็เอาลังเอกสารมาให้ตรวจสอบจำนวน 1 ลัง ในนั้นจะมีพาสปอร์ตอยู่ประมาณ 60 กว่าเล่มที่มีการแจ้งย้ายที่อยู่ที่พักของแรงงานต่างด้าว ผมตรวจดูมีการแจ้งเข้าถูกต้อง 30 คน มีพาสปอร์ตการทำงาน 60 กว่าคน แต่ผมถ่ายรูปสถานที่ทำงานจริงมีคนงานเป็นร้อยคน

ผมก็เลยบอกเจ้าหน้าที่ว่าแบบนี้ต้องไปแจ้งย้ายที่อยู่ให้ถูกต้อง แจ้งที่พักให้ถูกต้อง เพราะมีเอกสารให้ดำเนินการทำให้มันถูก จากนั้นผมก็ออกจากบริษัทนิวยางค์ และไปอีกไซค์งานหนึ่งที่เป็นของคนจีน ชื่อ บริษัท เอเซียอโรม่า ไบโอเทคโนโลยี อยู่ในนิคม 304 ซึ่งเป็นไซค์งานก่อสร้างโรงงานขนาดใหญ่ เมื่อไปถึงพอเขาทราบว่าจะมาขอดูเอกสาร ได้มีการวิ่งหนีของแรงงานต่างด้าว ทั้งชาวจีนและอาจจะเป็นพม่ากัมพูชาปนอยู่ด้วย จึงรีบประสานเจ้าหน้าที่ ตม.ปราจีนบุรี และจัดหางานจังหวัดปราจีนบุรี ให้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เข้าจับกุมแรงงานต่างด้าวพวกนี้ ซึ่งเวลานั้นผมดึงเเรงงานชาวจีนไว้ได้ 1 คน ซึ่งเขาไม่มีเอกสารอะไรเลยนอกจากพาสปอร์ต

นายณัฐพล กล่าวว่า สอบถามในบริษัทที่มีคนไทยอยู่ด้วย บอกว่าคนนี้เป็นช่างชาวจีน ที่มาติดตั้งระบบดับเพลิงของโรงงานนี้ แต่เอกสารการทำงานของเขาไม่มี ต่อมาตม.และจัดหางานได้มาถึงเวลา 16.00 น.ก็ล่าช้าไปแล้ว เพราะพนักงานส่วนใหญ่หายไปหมด ก็เลยได้แค่ 1 คน วันนั้นเขาได้มีการประสานงานกับผู้ดูแลแรงงานต่างด้าว ชื่อว่าน็อตแค่นั้นเอง คุยอะไรกันบ้างผมจำไม่ได้ หลังจากเสร็จตรงนั้น ตม.แจ้งว่าจะพาไปสภ.พื้นที่ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามขั้นตอนของกฎหมาย ไปลงบันทึกจับกุม ดำเนินคดีตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ ซึ่งผมจะตรวจสอบว่าเขาได้ดำเนินคดีกับชาวจีนคนนี้ หรือไม่

นายณัฐพล กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการแอบอ้างว่าผมไปรับผลประโยชน์จากบริษัทใดผมไม่มี กล้ายืนยันว่าไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์จากใคร ไม่ได้ไปไล่บี้ตบทรัพย์อย่างที่เป็นข่าว โดยในการให้ข่าวของท่านทำให้เกิดความเสื่อมเสีย ตรงนี้ผมไปทำเรื่องที่ถูกกฎหมายท่านไม่ควรเอามาโจมตี กับทาง ส.ส.หรือกับทางพรรค ถ้ามีหลักฐานแจ้งความดำเนินคดีกับผมได้เลย ถ้ามีหลักฐานว่าผมไปเรียกรับผลประโยชน์ เรียกรับเงินจากผู้ประกอบการ เอาออกมาแสดงอย่าใช้วิธีแบบนี้ ซึ่งมันไม่ถูกต้องเป็นการเขียนข่าวโจมตีที่ไม่มีความจริง

เบื้องต้นเรื่องนี้ทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด มองการทำงานของส.ส.และทางพรรคไปในมุมเชิงลบ ว่ามีการส่งคนไปไล่บี้ตบทรัพย์กับไซต์งานผู้ประกอบการต่างๆ ซึ่งตนไม่ได้ดำเนินการตามนั้น ขั้นตอนดำเนินการที่ไปทำคือไปตรวจสอบผู้กระทำความผิดและก็มีจริงๆ

ด้าน นายปริญญา จิตติเจษฎาภรณ์ ทนายความ กล่าวว่า เป็นถึงระดับส.ส.ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่ใช่เพียงเห็นว่าผู้ที่น่าโจมตีน่าสงสัย ได้รูปได้หน้าเขานำไปโพสต์ใช้สื่อเป็นเครื่องมือ ผมถามนิดนึง คนที่ได้ประโยชน์จากการลงข้อมูลทั้งหมด จากการโจมตีผู้อื่น ประชาชนได้ประโยชน์หรือตัวบุคคลได้ประโยชน์ ถึงทุกวันนี้การติดตามบุคคลที่ถูกจับยังไม่มีการดำเนินคดีเลย ตัวคนที่ถูกควบคุมไว้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับนายจ้างหรือตัวลูกจ้างในการกระทำความผิดหรือยัง เดินออกข่าวทุกวันว่า คนนี้ตบทรัพย์ ไปไหนมาไหนคนเข้าใจผิด วันนี้ผมพาเขามาแจ้งความหมิ่นประมาทในมาตรา 238 กับความผิดพรบ.คอม

ด้านนายกิตติวัฒน์ ปิ่นเลี้ยง ผู้ช่วยดำเนินงาน นายสุเทพ กล่าวว่า วันนี้นายสุเทพ ได้ส่งผมมายืนยันว่าได้ส่งผู้ติดตามลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูลจริง โดยนายสุเทพได้รับการร้องเรียนมาว่าในเขตนั้นมีแรงงานผิดกฎหมายเยอะมาก ส.ส.จึงส่งผู้ติดตามลงไปเก็บข้อมูล เพื่อนำเสนอในกรรมาธิการ การที่มีแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเยอะมากขนาดนี้ จริงๆแล้วเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่รวมถึงผู้ที่ดูแล ที่อ้างตัวว่าเป็น ส.ส.ในเขตพื้นที่ ก็น่าจะมีข้อมูลตรงนี้ด้วย มันน่าจะรู้ว่าที่ไหนมีความผิดหรือไม่มีความผิด ตรงนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว การที่ออกมาโจมตีเพื่อเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของใครกันแน่

ใส่ความเห็น