รองผู้ว่าจังหวัดปทุมฯ เดินเกมแก้ปัญหาขัดแย้งเทศบาลเมืองคลองหลวง

รองผู้ว่าจังหวัดปทุมฯ เดินเกมแก้ปัญหาขัดแย้งเทศบาลเมืองคลองหลวง หลังสื่อมวลชนส่วนกลางกระทุ้งเรื่องแต่ยังไร้วี่แววว่าเรื่องดังกล่าวจะได้รับความเป็นธรรม จริง!! หลังร้องเรียนมาเป็นปีเพิ่งจะเรียกมาสอบถามข้อเท็จจริงวันนี้

วันนี้(22 พ.ย.2562)เวลา13.30น. ที่ศาลากลางจังหวัดปทุมธานี
นายชาธิป รุจนเสรี รองผู้ว่าราชกรจังหวัดปทุมธานี เป็นประธานกรรมการโอนพนักงานเทศบาลกรณีที่มีเหตุผลความจำเป็นจังหวัดปทุมธานี
ได้เชิญ นายสุวิรัตน์ กิมสวัสดิ์ ประธานสภาเทศบาลเมืองคลองหลวง และสมาชิกสภาเทศบาลเมืองคลองหลวง จำนวน 8 คน มาสอบถามและชี้แจงข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับรองปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวง
จากกรณีที่ประธานสภาและสมาชิกสภาเทศบาลเมืองคลองหลวง ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีและทวงถามความคืบหน้าเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา ที่ขอให้โอนย้ายพนักงานเทศบาลเมืองหลวงที่มีความขัดแย้งกับสมาชิกสภา

ตามที่จังหวัดปทุมธานี ได้รับหนังสือร้องเรียนจากประธานสภาเทศบาลเมืองคลองหลวง ขอให้โอนย้ายพนักงานเทศบาลกรณีที่มีเหตุผลความจำเป็นของประธานสภาเทศบาลกับพวก กรณีนางสุดา ทองวิลัย รองปลัดเทศบาล และนางสาววราภรณ์ จารุครุฑ ออกจากพื้นที่เป็นกรณีเร่งด่วนด้วยสาเหตุแห่งความขัดแย้งกับสมาชิกสภาเทศบาลอย่างรุนแรง


โดยประธานสภาเทศบาลเมืองคลองหลวง นายสุวิรัตน์ กิมสวัสดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ทาง ก.ท.จ.ปทุมธานีได้เรียกมาสอบถามหาข้อมูลและชี้แจงเกี่ยวกับความขัดแย้งของสภาเทศบาลกับนางสุดา ทองวิลัย จากที่มีการเข้าร้องเรียนให้มีการตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง และขอให้ นางสุดา ทองวิลัย รองปลัดเทศบาล ออกจากพื้นที่
ซึ่งมีการร้องเรียนเรื่องดังกล่าวมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ทาง ก.ท.จ.ปทุมธานี ก็ยังไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใด ทางสภาเทศบาลจึงได้สอบถามกับทางรองผู้ว่าเกี่ยวกับการตั้งกรรมการสอบวินัย
และสาเหตุที่ทางก.ท.จ.ตั้งกรรมการสอบวินัยนางสุดา ล่าช้านั้นเป็นเพราะ เหตุใด ซึงทางร้องผู้ว่าได้ชี้แจงว่า มีการตั้งกรรมการขึ้นมาผิดโดยที่ทางเทศบาลไปตั้งนายอำเภอมาเป็นกรรมการสอบวินัย ซึ่งนายอำเภอไปม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นกรรมการสอบวินัยได้ เนื่องจากการตั้งคณะการดังกล่าวไม่ได้ขอต้นสังกัด และจะต้องมีการตั้งกรรมการขึ้นมาใหม่
นายสุวิรัตน์ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ทางคณะรองผู้ว่า เรียกให้สมาชิกสภามาชี้แจงในวันนี้เพื่อทราบข้อเท็จจริงว่ามีความขัดแย้งอย่างไรบ้าง แต่ส่วนทางรองปลัดสุดานั้นรองผู้ว่าราชการจังหวัดบอกว่าจะเรียกให้มาสอบถามความขัดแย้งในวันที่ 6 ธันวาคมที่จะถึงนี้


แต่เรื่องนี้ตนรู้สึกมีความน้อยใจเป็นอย่างมาก เพราะว่าตนเองพยายามจะทำหน้าที่ถ่วงดุลอำนาจในฐานะเป็นประธานสภา ที่ประชาชนชาวคลองหลวงเลือกตั้งมาเพื่อทำหน้าที่ถ่วงดุลอำนาจ แต่ตนกลับไม่ได้รับความเป็นธรรมไม่ว่าจะเป็นการร้องเรียนการทำงานของฝ่ายบริหารของเทศบาล ทางผู้ว่าราชการจังหวัดตีความว่าตนไม่มีสิทธิ์ร้องเรียนเพราะว่าไม่เข้าหลัก การที่จะร้องเรียนซึ่งหลักการในการร้องเรียน 4ข้อ คือ1ต้องเป็นประชาชน 2 ต้องเป็นผู้นำชุมชน 3 ต้องเป็นพนักงานเทศบาล 4 ผู้ว่าราชการจังหวัด การที่ตนเห็นความไม่ชอบมาพากลของการทำงานของฝ่ายบริหารและร้องเรียนมายัง กทจ. ทางผู้ว่าราชการจังหวัดและท้องถิ่นจังหวัดและตีความว่าตนไม่ใช่ผู้นำชุมชน ทั้งๆที่ตนถูกเลือกมาจากประชาชนในเขตเทศบาลเมืองคลองหลวงให้มาทำหน้าที่ จะต้องให้ตนลาออกจากประธานสภาก่อนใช่ไหมถึงจะเป็นประชาชนได้ถึงจะเข้าหลักในการร้องเรียน อีกทั้งตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่มา ทางประธานสภาและสมาชิกสภาไม่ได้มีห้องทำงานที่เทศบาลเลย ซึ่งตนได้พยายามขอห้องทำงานให้สมาชิกสภามีห้องทำงานแล้วแต่ทางคณะบริหารไม่อนุญาตบอกว่าแต่ก่อนยังอยู่ได้ทำไมตอนนี้ถึงจะอยู่ไม่ได้ ทำให้เหมือนพวกตนเป็นผีไม่มีศาลเวลาประชาชนจะมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมขอความช่วยเหลือสมาชิกสภาก็ไม่สามารถที่จะตอบสนองและรับรู้ปัญหาของประชาชนได้ จึงอยากจะขอร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ให้มาดูแลเรื่องนี้แล้วขอความเป็นธรรมให้กับสมาชิกสภาด้วย

ต่อมาหลังจากการประชุมเสร็จสิ้น รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายชาธิป รุจนเสรี ได้เปิดห้องประชุมราชสีห์บัวหลวง ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ถามถึงประเด็น การแต่งตั้งกรรมการสอบวินัย นางสุดา ทองวิลัย รองปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวง และเจ้าหน้าที่ นิติกร มีความคืบหน้าเป็นอย่างไรบ้าง
‌รองผู้ว่าราชการจังหวัดได้ชี้แจงว่าในการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงของรองปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวงนั้น จากกรณีที่รองปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวง ขัดคำสั่ง กทจ.ที่ไม่ปฏิบัติตามให้อดีตปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวง กลับไปรับราชการหน้าที่ปลัดนั้น มีความผิดจริงแต่เนื่องจากมีความขัดแย้งระหว่างปลัดกับรองปลัดผู้ที่จะตั้งคณะกรรมการในการสอบวินัยร้ายแรงนั้นต้องเป็นผู้อาวุโส รองลงมาคือ หัวหน้ากองช่าง แต่หัวหน้ากองช่างกลับไปตั้งนายอำเภอมาเป็นคณะกรรมการสอบและไม่ขออนุญาตต้นสังกัดทำให้ขั้นตอนต่างๆไม่สามารถตั้งคณะกรรมการได้ เป็นเหตุทำให้ไม่สามารถตั้งคณะกรรมการสอบวินัยรองปลัดสุดาได้จนถึงปัจจุบัน เนื่องจากหัวหน้ากองช่างได้ทำการแต่งตั้งผิดแต่จะเป็นการเจตนาแต่งตั้งผิดนั้นหรือไม่รู้ข้อกฎหมายก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทาง กทจ.จังหวัดจะทำการสอบสวนว่ามีเจตนาที่จะตั้งผิดหรือไม่หรือไม่รู้ข้อกฎหมาย เพราะคดีอาญาหากไม่มีเจตนาก็คือไม่ผิด ส่วนการตั้งผิดเพราะไม่รู้ข้อกฎหมายนั้นต้องสอบสวนดูว่ามีความผิดอะไรบ้างเพราะทำงานมาถึงขนาดนี้แล้วจะไม่รู้ข้อกฎหมายก็คงเป็นไปไม่ได้
ส่วนในเรื่องการจัดตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงของรองปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวงนั้นเมื่อทางจังหวัดได้รับทราบแล้วว่ามีกระบวนการที่ผิด ก็จะมีกระบวนการและขั้นตอนดำเนินการต่อไป ซึ่งจะมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะกรรมการเป็นคนตั้งขึ้นมา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายซึ่งทางจังหวัดจะได้เชิญผู้ที่ร้องและถูกร้องมาชี้แจงข้อเท็จจริงก่อนถึงจะดำเนินการต่อได้
เบื้องต้นวันนี้ได้เชิญผู้ร้องมาสอบข้อเท็จจริงแล้วส่วนผู้ถูกร้องนั้นจะเชิญมาสอบข้อเท็จจริงในวันที่ 6 ธันวาคม 2562
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามกรณีที่มีการขอโอนย้ายปลัดคนใหม่ มาแทนตำแหน่งที่ว่างของปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวงนั้นมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง เพราะทราบว่ามีการขอร้องรับโอนปลัดคนใหม่จากอดีตปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวงไปเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2562 และมีหนังสือขอใช้อำนาจนายกในการรับโอนด้วย
ทางด้านรองผู้ว่าราชการจังหวัด ชี้แจงว่าเรื่องดังกล่าวมีการประชุมไปกันเมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมาว่าไม่สามารถที่จะรับโอนได้เพราะขั้นตอนและกระบวนการในการขอโอนและรับโอนนั้นผิดขั้นตอนโดยอ้างว่ามีการขอโอนและรับโอนในวันเดียวกัน
จึงมีข้อสงสัยว่าผิดกระบวนการในการรับโอน ทั้งนี้ยังได้อ้างคำสั่ง คสช.ที่ 85/2557 ว่า หากจะมีการโอนตำแหน่งจะต้องแจ้งมายัง กทจ.จังหวัดก่อนซึ่งอดีตปลัดไม่ได้ทำตามกระบวนการ ตามคำสั่ง คสช.ที่ 85/2557 ว่าไว้ จึงแจ้งให้รองปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวงรักษาอาการปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวงและปฏิบัติหน้าที่นายกเทศบาลเมืองคลองหลวงต่อไป จนกว่าส่วนกลาง จะส่งปลัดคนใหม่มาแทนตำแหน่งว่างซึ่งเรื่องนี้อยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของ กทจ.จังหวัดปทุมธานี

ส่วนที่สื่อมวลชนตั้งข้อสังเกตและตั้งข้อสงสัยว่าสาเหตุที่การสอบวินัยร้ายแรงของนางสุดารองปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวงล่าช้า และการโอนย้ายปลัดคนใหม่มาปฏิบัติหน้าที่แทนตำแหน่งที่ว่างนั้น อาจเป็นเพราะว่า ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นเพื่อนกับสามีของรองปลัดเทศบาลหรือไม่ เนื่องจากทราบข้อมูลมาว่าท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเรียน หลักสูตร วปอ.รุ่น 53 ทำให้อาจจะมีความสัมพันธ์ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
โดยข้อนี้ทำให้สื่อหายสงสัยเพราะท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดท่านใดที่แจ้งว่า ทางจังหวัดทำงานอย่างตรงไปตรงมาตามระเบียบและข้อกฎหมายทุกอย่าง
ทั้งยังได้ชี้แจงเรื่องสาเหตุที่ไม่สามารถตั้งสอบวินัยร้ายแรง ของรองปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวงได้ ทั้งยังมีข้อกฎหมาย คำสั่ง คสช.ที่อ้างว่าไม่สามารถที่จะรับโอนปลัดคนใหม่ได้ซึ่งการขอโอนนั้นผิดกระบวนการและขั้นตอน
ทั้งนี้สื่อมวลชนติดตามกระบวนการการทำงานในการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงของรองปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวงต่อไปว่าจะทำงานอย่างตรงไปตรงมาตามที่ท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดได้ชี้แจงกับสื่อมวลชนหรือไม่เพราะเรื่องดังกล่าวล่วงเลยมาปีกว่าแล้ว และติดตามความคืบหน้าว่าทาง กทจ.จังหวัดจะเอาผิดหัวหน้ากองช่างที่ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงรองปลัดเทศบาลที่ผิดวิธีและขั้นตอนหรือไม่ หากจะมีความล่าช้าอีกข้อสงสัยที่สื่อคิดต่อคือทราบว่าผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นเพื่อนร่วมรุ่นหลักสูตรเรียนนายอำเภอ กับข้าราชการระดับบิ๊กที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง อีกทั้งกรณีที่สามีรองปลัด เป็นนายทหารระดับนายพลอาจจะมีอิทธิพลกับการทำงานของจังหวัดก็เป็นได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าคิด? เพราะยุคนี้จะเป็นยุคที่มีนายกเป็นนายทหาร!!!


Loading...

ใส่ความเห็น