อดีต ผบก.ภ.จว.แพร่ เป็นประธานการประชุมจัดตั้งสมาคมส่งเสริมคุณธรรมและช่วยเหลือตำรวจและประชาชน (สคตป.) มอบความรู้คู่คุณธรรมแก่ผู้ด้อยโอกาส

อดีต ผบก.ภ.จว.แพร่ เป็นประธานการประชุมจัดตั้งสมาคมส่งเสริมคุณธรรมและช่วยเหลือตำรวจและประชาชน (สคตป.) มอบความรู้คู่คุณธรรมแก่ผู้ด้อยโอกาสให้ได้มีสถานที่ติวเข้าโรงเรียนตำรวจฟรีทั้งระดับนายสิบและนายร้อย ขณะที่ผู้บริหารสมาคมพร้อมให้การสนับสนุน ทุน บุคลากรและสถานที่หวังคงสภาพความเป็นผ้าขาวเอาไว้ไม่อยากให้จบออกไปรังแกประชาชนในอนาคต

วันนี้ (23 พ.ย.) พล.ต.ต.วิสุทธิ์ เปล่งขำ อดีต ผบก.ภ.จว.แพร่ เป็นประธานการประชุมจัดตั้งสมาคมส่งเสริมคุณธรรมและช่วยเหลือตำรวจและประชาชน (สคตป.) ณ ที่ทำการเลขที่ 88 หมู่ 5 ซอยกันตนา ต.บางม่วง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี โดยมีว่าที่ผู้บริหารของสมาคม เข้าทำการหารือกันอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้ พล.ต.ต.วิสุทธิ์ กล่าวในฐานะว่าที่นายกสมาคมฯ ว่า วันนี้เชิญผู้ที่มีความเหมาะสมซึ่งได้คัดเลือกมาเป็นอย่างดีแล้ว เข้ามาร่วมประชุมหารือกันในแนวทางการจัดตั้งสมาคม ซึ่งคาดว่าไม่เกินเดือน ธ.ค.นี้จะแล้วเสร็จ ส่วนหัวข้อการประชุมนั้นก็เป็นเรื่องทั่วๆ ไป แต่จะเน้นหนักในด้านวัตถุประสงค์ จำนวน 9 ข้อ ที่สมาชิกทุกคนจะต้องช่วยกันทำให้บรรลุผล และตนพิจารณาแล้วว่าวัตถุประสงค์ทุกข้อจะส่งผลดีต่อข้าราชการตำรวจ ประชาชน และสังคมในวงกว้าง
วัตถุประสงค์ของสมาคม

ข้อ ๔.วัตถุประสงค์ของสมาคมมีดังต่อไปนี้

๔.๑ เป็นศูนย์รวมระหว่างข้าราชการตำรวจและประชาชน ส่งเสริมสนับสนุนการเคารพสิทธิและเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จัดหาปัจจัยเพื่อสนับสนุนกิจกรรมของสมาคมเพื่อช่วยเหลือสังคม

๔.๒ ส่งเสริมด้านคุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณข้าราชการตำรวจและประชาชน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างตำรวจและประชาชน เพื่อความมั่นคงของประเทศและการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข 

๔.๓ ตรวจสอบและติดตามผลการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจและประชาชนที่กระทำความดี และเผยแพร่ผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม รับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชนกรณีที่ส่วนราชการกระทำความผิดประพฤติมิชอบ ทำให้ประชาชนเดือดร้อน เสียหาย ด้วยการส่งเรื่องให้ส่วนราชการที่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

๔.๔ ให้สมาชิกมีสิทธิมีส่วนร่วมเสนอข้อเรียกร้องอันเป็นสิทธิที่พึงมีพึงได้ และเสนอแนะส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาองค์กรนั้นให้เหมาะสมกับการบริการประชาชน ในด้านการป้องกัน ปราบปรามอาชญากรรมและการอำนวยความยุติธรรมทางกฎหมาย ให้คำปรึกษาด้านวินัย อาญา แพ่งและคดีปกครอง ส่งเสริมโอกาสความก้าวหน้าในหน้าที่ราชการตำรวจ

๔.๕ จัดให้มีการศึกษา อบรม ข้าราชการตำรวจและประชาชนด้านกฎหมายทั่วไปและคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณ เพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุข ส่งเสริมสนับสนุนด้านการศึกษาแก่ข้าราชการตำรวจและประชาชนอันเป็นการพัฒนาตนเองให้มีคุณวุฒิที่สูงขึ้น 

๔.๖ ส่งเสริมสนับสนุนให้ข้าราชการตำรวจและประชาชน ร่วมกันบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ มีจิตสาธารณะ จิตอาสา กระทำการอันเป็นประโยชน์สังคมและประเทศชาติ ส่งเสริมสนับสนุนให้มีการปลูกต้นไม้ เพื่อลดมลพิษทางอากาศ ขยายพันธุ์ปลาตามแหล่งน้ำสาธารณะ ช่วยเหลือสัตว์ที่มีคุณ ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติต่าง ๆ ช่วยเหลือครอบครัวตำรวจที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้ที่

๔.๗ เป็นตัวแทนสมาชิกในการติดต่อสัมพันธ์กับสมาคมหรือสถาบันอื่นทั้งในและนอกประเทศ มีความเป็นกลางทางการเมือง ไม่แสวงหาประโยชน์อันมิชอบด้วยกฎหมายหรือสร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้ใด

๔.๘ เคารพสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นโดยเคร่งครัด ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐทุกองค์กรที่จะส่งผลกระทบต่อสังคมและประชาชน

๔.๙ เชิญหน่วยงานทางราชการและประชาชนเพื่อร่วมประชุม ปรึกษาหารือ กำหนดแนวทาง ทิศทางการปฏิบัติงาน และสร้างความเข้าใจ ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประชาชนกับทางราชการ 

“สำหรับการดำเนินงานของสมาคมที่จะเกิดขึ้นนั้นเน้นหนักเรื่องการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระผู้ปกครองที่บุตรหลานต้องการสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารในเหล่าตำรวจ สอบเข้าโรงเรียนนายสิบตำรวจ และข้าราชการตำรวจชั้นประทวนที่ต้องการสอบเข้าบรรจุเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร รวมถึงข้าราชการตำรวจที่ต้องการสอบเลื่อนคุณวุฒิตามสายงานต่างๆ เพราะตนเข้าใจว่า หากไปหาสถาบันกวดวิชาเอกชนเพื่อติวหนังสือนั้นค่าใช้จ่ายก็จะสูง ส่วนใหญ่คิดกันหลักหมื่นบาทขึ้นไป อย่างไรก็ตามที่นี่จะสอดแทรกเรื่องการสอนคุณธรรมและจริยธรรมเข้าไปให้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญมากของข้าราชการไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือหน่วยงานใด นอกจากนี้จะทำการสำรวจกำลังตำรวจชั้นประทวนที่มีคุณวุฒิปริญญาโท และปริญญาเอก เข้ามาช่วยเหลืองานสมาคม เพราะปัจจุบันกำลังตำรวจเหล่านี้มีจำนวนมาก แต่ขาดโอกาสใช้ความรู้ความสามารถที่ตนเองมีอยู่ โดยเราอาจเชิญมาเป็นอาจารย์และช่วยสนับสนุนผลักดันให้นำความรู้ที่มีไปใช้ประโยชน์ต่อทางราชการให้ได้” พล.ต.ต.วิสุทธิ์ กล่าว

ด้าน คุณพัชร์สิตา พิมพ์อภิวานิช ผู้บริหาร บจก.สำนักพิมพ์ลองไลฟ์เอ็ด ว่าที่รองนายกสมาคมฯ กล่าวว่า แรงบันดาลใจที่ทำให้ก้าวเข้ามาช่วยเหลือ และร่วมก่อตั้งสมาคมในวันนี้คือ ที่ผ่านมามีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการถูกกลั่นแกล้งจากกลุ่มชายฉกรรจ์ 4 คน และหญิง 1 คน บุกรุกเข้ามาภายในบริษัท ซึ่งปัจจุบันกำลังเป็นที่ตั้งของสมาคม โดยกลุ่มคนที่บุกเข้ามาได้เรียกร้องขอทวงหนี้ จำนวน 2 ล้านบาท ทั้งๆ ที่ตนไม่เคยเป็นหนี้ใคร หนำซ้ำเมื่อตนเดินทางไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนท้องที่รับผิดชอบแล้ว คดียังไม่มีความคืบหน้า ตั้งแต่เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้พนักงานสอบสวนไม่เคยเดินทางมาที่เกิดเหตุ และยังไม่สามารถระบุตัวผู้กระทำความผิดได้ทั้งๆ ที่มีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดบันทึกภาพรูปพรรณสัณฐานของกลุ่มผู้บุกรุกเอาไว้ได้อย่างชัดเจน

“ที่ผ่านมานอกจากผลกระทบทางด้านจิตใจของทั้งตนและพนักงาน ที่โดนบุกรุกเข้ามาข่มขู่ถึงในบริษัทแล้ว ยังส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของบริษัท ทั้งๆ ที่เราทำธุรกิจด้านสื่อการเรียนการสอน มา 20 ปี ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย พอเรารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมก็เลยคิดว่า หากต้องการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสด้วยการมอบความรู้และปลูกฝังจริยธรรมตั้งแต่ยังเป็นผ้าขาว ค่อยๆ ให้เขาซึมซับไป ตนเชื่อว่าจะเพิ่มจำนวนตำรวจน้ำดีให้มีมากขึ้น โดยตนจะรับหน้าที่สนับสนุนเรื่องสื่อการเรียนการสอน สถานที่ และบุคลากรที่จะทำหน้าที่ติวหนังสือให้แก่เด็กๆ สำหรับการพัฒนาสมรรถภาพด้านร่างกายนั้นจะมีการหารือในที่ประชุมเพื่อฟังมติอีกครั้งว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร หลังจากนี้ขอให้จดทะเบียนจัดตั้งสมาคมให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้เสียก่อน” คุณพัชร์สิตา กล่าว.

ขณะที่ คุณพัชรินทร์ เหมอังกูร ผู้บริหาร บจก.กูร์เมท์วัน ฟู้ดส์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) ว่าที่รองนายกสมาคมฯ อีกท่านกล่าวว่า ยินดีให้การสนับสนุนการดำเนินงานของสมาคมนี้ทุกประการ เพราะที่ผ่านมาก็เดินทางไปบริจาคสิ่งของให้เด็กยากไร้ตามถิ่นทุรกันดารเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว ที่สำคัญเคยมีประสบการณ์ถูกเจ้าหน้าที่รัฐกลั่นแกล้งรุนแรงไม่แพ้กัน เมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมานั้น ถูกหุ้นส่วนบริษัทแจ้งดำเนินคดีกับพนักงานหลายคนในองค์กร โดยมีพนักงานสอบสวนให้ความช่วยเหลือด้านการอายัดบัญชี มากกว่า 15 บัญชี อายัดโดยที่ไม่มีการออกหมายเรียกหรือติดต่อสอบถามอะไรกันล่วงหน้า ซ้ำร้ายหลังจากนั้นพนักงานสอบสวนยังมีการส่งข้อเรียกร้องต่างๆ นานา ให้เราปฏิบัติแบบนั้น แบบนี้แล้วจะถอนคดีให้ ตนจึงตัดสินใจยื่นฟ้องต่อศาลทุจริตกลางให้ดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนพร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวในมาตรา 157 และร้องทุกข์ให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยโดยมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบัญชีเข้ามาตรวจสอบการดำเนินงานของบริษัทตนแล้ว ไม่พบว่าเกิดความเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะการเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการโอนเงิน และการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องก็ผ่านการตรวจอย่างละเอียดและรับรองโดยผู้บริหารเป็นที่เรียบร้อย นั่นหมายความว่า 4 เดือนที่ผ่านมา ตนและพนักงานในองค์กรต้องเดือดร้อน นอนทุกข์จากการกระทำของผู้ไม่ประสงค์ดี ที่ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐมาร่วมกันกลั่นแกล้ง ดังนั้นจึงเห็นพ้องต้องกันกับว่าที่คณะกรรมการสมาคมฯ ทุกท่านที่จะต้องส่งเสริมเรื่องความมีจริยธรรมของตำรวจ และผู้ที่จะก้าวเข้ามาเป็นตำรวจ เพื่
อป้องกันไม่ให้ประชาชนไม่ว่าจะยากดีมีจน ถูกเอารัดเอาเปรียบหรือโดนรังแก” คุณพัชรินทร์ กล่าว


Loading...

ใส่ความเห็น